ศิลปะ ศรัทธา

และเส้นทางแห่งธรรม

พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส หรือนามเดิม อำนาจ กลั่นประชา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิปฏิจจสมุปบาทและประธานสงฆ์วัดเพื่อพระนิพพาน ปราสาทดิลลิกซ์ประเทศเยอรมนี อดีตคือศิลปินไทยผู้สร้างชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ พร้อมรางวัลเกียรติยศมากมาย จากผลงานศิลปะ เชิงพุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดปรัชญาทางพระพุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้งและทรงพลัง ซึ่งพรสวรรค์ทางด้านศิลปะของนายอำนาจนั้นเกิดขึ้นจากการฝึกปรือ และเรียนรู้ด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก ที่จะวาดก็วาด ร่างเส้น ลงสีด้วยตัวเองผ่านเทคนิคหลากหลายที่คิดค้นขึ้น จนพัฒนากลายเป็นเอกลักษณ์งานศิลป์อันน่าทึ่ง ของ “อำนาจ กลั่นประชา”

ศิลปะ ศรัทธา

และเส้นทางแห่งธรรม

พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส หรือนามเดิม อำนาจ กลั่นประชา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิปฏิจจสมุปบาทและประธานสงฆ์วัดเพื่อพระนิพพาน ปราสาทดิลลิกซ์ประเทศเยอรมนี อดีตคือศิลปินไทยผู้สร้างชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ พร้อมรางวัลเกียรติยศมากมาย จากผลงานศิลปะ เชิงพุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดปรัชญาทางพระพุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้งและทรงพลัง ซึ่งพรสวรรค์ทางด้านศิลปะของนายอำนาจนั้นเกิดขึ้นจากการฝึกปรือ และเรียนรู้ด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก ที่จะวาดก็วาด ร่างเส้น ลงสีด้วยตัวเองผ่านเทคนิคหลากหลายที่คิดค้นขึ้น จนพัฒนากลายเป็นเอกลักษณ์งานศิลป์อันน่าทึ่ง ของ “อำนาจ กลั่นประชา”

พศ.2497

อำนาจ กลั่นประชา (นามเดิม)

อำนาจ กลั่นประชา (นามเดิม)

เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2497 ณ กรุงเทพมหานคร

อายุ 7 ปี

อายุ 7 ปี

ฝึกปฏิบัติการดูลมหายใจของตัวเอง โดยไม่ได้รับการชี้นำหรือฝึกสอน จนกลายเป็นนิสัยติดตัว

อายุ 20 ปี

อายุ 20 ปี

ตั้งใจแน่วแน่ว่า “แม้นชีวิตจักสิ้นโดยยังไม่ถึงเป้าหมายก็ให้มันสิ้นไปไม่ถือว่า ล้มเหลว การเดินทางได้ตั้งต้นขึ้นแล้ว”

 

จึงได้เริ่มเดินทางแสวงหาเพื่อความรู้แจ้งในธรรมะผ่านครูบาอาจารย์ทางธรรมปฏิบัติหลายรูปทั้งหลวงพ่อพุทธทาส ที่สวนโมกข์ หลวงพ่อสังวาลย์​ เขมโก ที่จัดหวัดชัยนาท หลวงปู่บุดดา ถาวโร ที่จังหวัดสุพรรณ และหลวงปู่เทสก์ เทสรังสีวัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย

 

ธรรมะและศิลปะได้ถักทอเข้าอยู่ในจิตวิญญาณของหลวงพ่ออำนาจ อย่างแยกไม่ออกมาตั้งแต่เด็ก โดยในช่วงสมัยวัยรุ่นท่านยังได้ออกเดินทาง แสวงหาความรู้แจ้งแห่งธรรมจนได้พบกับครูบาอาจารย์สายธรรมปฏิบัติหลายรูป หนึ่งในนั้นคือ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แห่งวัดหินหมากเป้งจังหวัดหนองคาย ผู้แนะคำสอน 4 ข้อ “รักษาศีลข้อเดียว คือรักษาใจ ให้ปกติ ไม่ส่งจิตออกนอก อยู่กับรู้เสมอๆ และหาใจให้เจอ” เป็นหลักธรรมที่หลวงพ่ออำนาจยึดถือปฏิบัติตลอดมา

อายุ 29 ปี

อายุ 29 ปี

สนใจเพิ่มความรู้ทางดาราศาสตร์ ชีววิทยา พลังงาน ฟิสิกส์ เพื่อนำมาเป็น องค์ประกอบในงานศิลปะให้สามารถนำเสนอธรรมะแห่งพระพุทธองค์ได้อย่าง ลึกซึ้ง และสื่อสารได้ชัดเจนขึ้น

 

ตั้งแต่ครั้งดำเนินชีวิตเป็นศิลปิน หลวงพ่ออำนาจทำงานรับใช้พระพุทธศาสนา มากกว่ารับใช้ตัวเองเสมอมา โดยนำธรรมะของพระพุทธองค์ถ่ายทอดในมิติที่ ลึกซึ้งผ่านงานศิลป์ เป็นการผนวกพรสวรรค์ด้านจิตรกรรมเข้ากับความใฝ่ฝัน ที่จะเผยแผ่สัจธรรมแห่งพระพุทธศาสนาให้คนทุกชนชาติทุกภาษาได้เข้าใจ อีกทั้งยังอุทิศเวลาถ่ายทอดความรู้ด้านศิลปะและธรรมะให้กับผู้สนใจ และช่วย เหลือสังคมตามความสามารถมาโดยตลอด

พ.ศ. 2529

พ.ศ. 2529

ใช้เวลาถึง 1 ปี ในการสร้างปริศนาธรรมรูปแบบประติมากรรมนูนสูง ขนาด 11 เมตร และขนาด 7 เมตร บนหน้าบันศาลาปฏิบัติธรรม ณ วัดไกลกังวล (เขาสารพัดดีศรีเจริญธรรม) จังหวัดชัยนาท เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยไม่รับค่าแรง

พ.ศ. 2534

พ.ศ. 2534

ศิลปินรับเชิญในงานอินเตอร์เนชั่นแนลโพสเลนอาร์ทิสต์ ประเทศออสเตรเลีย

พ.ศ. 2539

พ.ศ. 2539

จัดแสดงนิทรรศการภาพวาดเฉลิมพระเกียรติเนื่องในปีกาญจนาภิเษก ทรงครองราชย์ครบ 50 ปีของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ณ เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย และเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา

พ.ศ. 2537

พ.ศ. 2537

ประธานจัดงาน นิทรรศการศิลปะชุด ธรรม ธรรมชาติ ครั้งที่  2

 

พ.ศ. 2544-2545

พ.ศ. 2544-2545

ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์พิเศษวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล

พ.ศ. 2545

พ.ศ. 2545

จัดแสดงงานศิลปะชุดสันติภาพในการเข้าร่วมงานประชุม  ณ สหประชาชาติ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รับการรตอบรับอย่างท่วมท้น จากผู้ร่วมประชุม ด้วยภาพวาดของศิลปินอำนาจ กลั่นประชา ทำให้พวกเขา ค้นพบคำตอบของสัจธรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้

พ.ศ. 2547

พ.ศ. 2547

แม้วิถีปุถุชนจะถึงพร้อมด้วยลาภยศ เงินทอง ชื่อเสียง ความมั่นคง และความก้าวหน้าในอาชีพ แต่หลวงพ่ออำนาจกลับรู้สึกว่าการครองชีวิตในเพศฆราวาสนั้นไม่อาจก้าวหน้าในการพัฒนาจิตและสร้างเสริมบุญบารมีต่อไปได้ในปี พ.ศ. 2547 หลวงพ่ออำนาจจึงตั้งมั่นจิตอุทิศชีวิตที่เหลือไว้ใต้ร่มเงาแห่งกาสาวพัสตร์ เพื่อมุ่งแสวงหาหนทางที่ดีกว่าในทางธรรม จึงแจ้งความจำนงลาออกจากการเป็นอาจารย์พิเศษ และทูลลาบวชต่อสมเด็กจพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ตึกชัยพัฒนา พระราชวังดุสิต จากนั้นอุปสมบท ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยพระครูมหาประเสริฐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้นจึงเดินทางสู่ผาซ่อนแก้ว

พ.ศ. 2547

พ.ศ. 2547

เริ่มก่อตั้ง วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปลีกวิเวกของผู้รักความสงบ

จากนั้นในปีพ.ศ. 2549หลวงพ่ออำนาจ ยังเป็นผู้ออกแบบและสร้างเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิตรเพื่อเป็นพุทธบูชาและประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆ ปริณายกทรงพระเมตตาประทานให้

“ต้องเป็นในทางนั้น ไม่เป็นไปในทางอื่น”

“ต้องเป็นในทางนั้น ไม่เป็นไปในทางอื่น”

หลวงพ่ออำนาจได้ตอบกับลูกศิษย์ลูกหาถึงเหตุที่หันเหจากชีวิตศิลปินที่ประสบความสำเร็จ ดำเนินสู่เส้นทางเพศสมณะอันสงบเพื่อการหลุดพ้นจวบจนถึงทุกวันนี้

พ.ศ. 2552

พ.ศ. 2552

ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส โดยเข้ารับตราตั้งและพัดยศ ประจำตำแหน่งจากพระเทพรัตนกวีเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์

พ.ศ. 2556

พ.ศ. 2556

บุกเบิกก่อตั้งวัดญาณสังวร เวโรน่า ประเทศอิตาลี ภายใต้ชื่อ สมาคม “EURASIA WORLD PEACE”

พ.ศ. 2554-2557

พ.ศ. 2554-2557

หลวงพ่ออำนาจเป็นผู้ออกแบบและสร้าง วิหารพระพุทธเจ้าห้าพระองค์

เพื่อร่วมน้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหาวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนม พรรษา 85 พรรษาของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล- อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งสร้างเสร็จในปีพ.ศ. 2557 โดยสถาปัตยกรรมเป็นที่กล่าวขานด้านเอกลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่น เป็นสง่า

 

พ.ศ. 2556-2557 ก่อตั้งสถานธรรมปฏิจจสมุปบาท ริมแม่น้ำยม

พ.ศ. 2556-2557 ก่อตั้งสถานธรรมปฏิจจสมุปบาท ริมแม่น้ำยม

จังหวัดพิจิตร ที่ดูแลโดยมูลนิธิปฏิจจสมุปบาท ให้เป็นสถานที่สำหรับบรรพชิตและผู้ปฏิบัติธรรมได้ใช้ประโยชน์สำหรับเจริญสติ เจริญภาวนา ปลีกวิเวก และประกอบความเพียรเพื่อการพ้นทุกข์ได้สำเร็จ

 

พ.ศ. 2559 ก่อตั้งพุทธธรรมบ่มวิมุตติ ณ เมือง Bad Zwesten ประเทศเยอรมนี

พ.ศ. 2559 ก่อตั้งพุทธธรรมบ่มวิมุตติ ณ เมือง Bad Zwesten ประเทศเยอรมนี

เป็นสถานธรรมปลีกวิเวกสำหรับอุบาสิกาผู้พร้อมจะศึกษาหลักธรรมและ ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องได้มีโอกาสเป็นนักบวช เพื่อเป็นกำลังในการสืบสาน พระพุทธศาสนา พร้อมกับปฏิบัติภาวนาเพื่อมุ่งบรรลุมรรคผลนิพพาน ได้เช่นเดียวกัน

พ.ศ. 2560 ก่อตั้งวัดเพื่อพระนิพพาน ณ เมืองดิลลิกซ์ ประเทศเยอรมนี

พ.ศ. 2560 ก่อตั้งวัดเพื่อพระนิพพาน ณ เมืองดิลลิกซ์ ประเทศเยอรมนี

เพื่อเป็นสถานที่สำหรับเผยแผ่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาให้กับคนทุกชนชาติและทุกภาษา ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าและทะเลสาบในบรรยากาศสงบวิเวกเหมาะแก่การปฏิบัติภาวนาของเหล่าบรรพชิต และอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย ที่มุ่งหมายบรรลุหนทางแห่งการพ้นทุกข์

พ.ศ. 2561

พ.ศ. 2561

ดำรงดำแหน่งประธานที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างวัดเทิดพระเกียรติเพื่อสันติภาพ ประเทศเยอรมนีภายใต้การดำเนินงานของสมาคมวัดพุทธาราม นครเบอร์ลิน

พ.ศ 2562

พ.ศ 2562

พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส ออกแบบเจดีย์รูปทรงมรรคญาณ พุทธมณฑล จังหวัดเพชรบูรณ์ และศูนย์สันติภาพโลก จังหวัดเพชรบูรณ์

พ.ศ 2562

พ.ศ 2562

เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช เพื่อถวายรายงานเกี่ยวกับโครงการสำคัญ

พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส แห่งวัดเพื่อพระนิพพาน ปราสาทดิลลิกซ์ ประเทศเยอรมันนี และในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างวัดเทิดพระเกียรติ เพื่อสันติภาพ ประเทศเยอรมันนี ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สกลมหาสังฆปรินายก (อัมพร อมฺพโร) ณ พระตำหนัก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562

พ.ศ 2564

พ.ศ 2564

ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยลุนด์ ประเทศสวีเดน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้าน “วิทยาศาสตร์เรื่องการทำสมาธิและสันติภาพ” แก่ Professor Etzel Cardena คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยลุนด์ ประเทศสวีเดน เพื่อต่อยอดการวิจัยเรื่อง Neuroimaging และ State of mind พร้อมกับสร้างหลักสูตรสันติภาพที่เป็นสากลเพื่อส่งต่อให้มนุษยชาติรุ่นถัดไป

พ.ศ 2564

พ.ศ 2565

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2565 ท่านพระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส เข้ารับรางวัลในงานประชุมสันติภาพโลก World Peace Award 2022 ณ เมืองสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน

“สันติภาพ เป็นทรัพย์สมบัติประจำตัวของมนุษยชาติทุกคนอยู่แล้วตลอดเวลา ไม่ได้จากไป ไม่ได้กลับมา เพียงแต่ถูกบดบังด้วยเหตุปัจจัย อวิชชา ความไม่รู้ และการปรุงแต่งของจิตจากกิเลสตัณหาชั่วคราว ดังนั้นแค่เพียงเราหยุดปรุงแต่งสักชั่วอึดใจ ก็จะพบกับสันติภาพที่ผลิบานสว่างไสว สงบ สันติสุข และงดงาม

เราต้องอยู่ร่วมกันกับคนอีก 7,000 ล้านคนในโลก ดังนั้นถ้าทุกคนสามารถเข้าใจว่า สันติภาพเป็นทรัพย์ประจำตัวทุกคน ย่อมทำให้เกิดความรัก ความปรารถนาดี เคารพให้เกียรติต่อสันติสุขภายในของทุกชีวิต ในทุกชนชาติ ที่ปราศจากการปรุงแต่งมาก่อน มีแต่สายตาแห่งความเมตตา กรุณา ประดุจ สายธารแห่งสัจธรรม ที่จะคลี่บานดอกไม้แห่งสันติสุขภายในใจของทุกคน ให้ได้ปลิวละอองเกสรอันหอมหวานแห่งสันติสุข ผสมผสานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ดุจน้ำผึ้งในเกสรดอกไม้ น้ำนม หยาดเหงื่อ น้ำหวานในผลไม้ ล้วนเกิดจากหยาดฝน และไหลคืนสู่มหาสมุทรดุจกัน

สันติภาพในจิตใจทุกคน ดุจดอกไม้ในอุทยาน ที่เพียงสยายกลีบหลากสีสัน แบ่งปันการเรียนรู้ และจุมพิตด้วยดวงเนตรแห่งเมตตา โหยหาสันติสุขแก่กัน และกันอยู่เสมอ