ศาสนาและสันติภาพ

สันติภาพ คือศาสนาของจักรวาล

“ศาสนา” คือ ลัทธิความเชื่ออย่างมีเหตุผล การที่มนุษย์มีศรัทธานั้น เพราะศรัทธาแปลว่า “ความเชื่อ ความเลื่อมใสในความเป็นเหตุและเป็นผล” เป็นพลัง อันยิ่งใหญ่ที่ขจัดความงมงายอย่างขาดสติ ขาดเหตุผล และปัญญา ศาสนาจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจให้มนุษย์ได้มีที่พึ่งในการรวมกลุ่มกันปฏิบัติตามความเชื่อนั้น จัดระบบ ในการอยู่ร่วมกันสู่ภาวะแห่งสันติสุขแด่มวลมนุษยชาติ

สันติภาพคืออะไร? สันติภาพเป็นธาตุที่สาคัญ ในบรรดาธาตุทั้งหลายในจักรวาล ที่มนุษย์พยายามค้นหาเพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สุขต่อสายธาร มนุษยชาติ แต่ธาตุที่มนุษย์ค้นพบส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างที่อาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้น จึงมีลักษณะไม่คงที่ เพราะเมื่อเหตุปัจจัยหนึ่งเปลี่ยน ธาตุที่อาศัยเหตุปัจจัยนั้น เกิดขึ้นก็ย่อมต้องแปรผันเปลี่ยนแปลงไปด้วย ส่วนสันติภาพเป็นธาตุที่ไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัย จึงไม่เสื่อมสลาย ไม่ได้จากไปหรือกลับมา เป็นความมั่นคงปลอดภัย ที่อมตะไม่แปรผัน แต่การจะเห็นธาตุนี้ได้ ก็ต้องอาศัยการพัฒนาจิตวิญญาณพลังงานแห่งการรับรู้ ซึ่งต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า จิตหรือวิญญาณเป็นธาตุที่ไม่ได้ มีมาก่อน

จิตวิญญาณเกิดขึ้นได้อย่างไร? จิตวิญญาณเป็นพลังงานแห่งการรับรู้ จากที่ว่างและมวลสารที่มีความสมดุล โครงสร้างของจักรวาลเป็นโครงสร้าง เครือข่ายที่เชื่อมโยงต่อเนื่องถึงกันทั้งหมด จึงก่อเป็นพลังงานของธาตุทั้ง 4 จัดระเบียบ DNA เป็นพลังงานต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบถึงกันเหมือนทฤษฎีโดมิโน เช่น เมื่อธาตุทั้ง 4 รวมกันเป็นความร้อน ช่องว่างนี้ก็จะเกิดพลังงานความร้อนไปด้วย เกิดการรับรู้ความร้อนนั้น เรียกว่า วิญญาณ คือจิตสำนึกอันรู้แจ้งทางอารมณ์ แต่ไม่ใช่เราร้อนหรือเราเย็น นี่คือความผิดพลาดที่หลงผิดว่าวิญญาณเป็นเรา เมื่อธาตุทั้ง 4 พยายามปรับสมดุลในการทรงตัวอยู่ร่วมกัน จึงสร้างส่วนประกอบ ที่พยายามจะเติมเต็มส่วนที่ขาด และต่อต้านสิ่งที่ไม่สมดุล จึงเกิดเป็นความโลภ โกรธ หลง ขึ้นมา เป็นสัญชาตญาณการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต และสร้างเครื่องมือ คือ วิญญาณ 6 ในการรับรู้ 6 ช่องทาง คือ ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ในการรับรู้ รูป-เสียง-กลิ่น-รส-สัมผัสกาย-ความนึกคิดทางใจ เพื่อเรียนรู้อันตราย หรือการ ให้คุณให้โทษ จึงเกิดจิตสำนึกอันรู้แจ้งทางอารมณ์ 6 ช่องทางขึ้นมา ออกไปท่องเที่ยวใน 18 อารมณ์ คือ

  1. รูป
  2. เสียง
  3. กลิ่น
  4. รส
  5. สัมผัสกาย
  6. ความนึกคิดทางใจ

ทำให้เกิดสุข ทุกข์ หรือไม่สุข ไม่ทุกข์ จาก 6 ทาง ความจำ 6 ความคิด 6 ทั้งหมดล้วนเป็นพลังงานที่จักรวาลสร้างขึ้นเป็นรูปแบบของชีวิตมนุษย์ ในการเรียนรู้ แสวงหาความสุข แก้ปัญหาทุกข์

เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสุข ทุกข์ หรือความไม่สุขไม่ทุกข์ดังกล่าว จึงก่อเกิดเป็นศาสนามากมายที่นำเสนอลัทธิวิธี พิธีกรรม ประเพณี วัฒนธรรม ในการประกอบกิจเพื่อแก้ปัญหาสุขทุกข์ ช่วยจัดระเบียบในการอยู่ร่วมกัน และมีจุดหมายสูงสุดคือเพื่อสันติภาพ ซึ่งเป็นอมตะสุข มั่นคงไม่แปรผัน

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่กำเนิดสิ่งมีชีวิต มนุษย์พยายามวิวัฒนาการสติปัญญาเพื่อแสวงหาอมตะสุขอันเป็นสันติภาพ จนค้นพบธาตุที่ไม่อาศัยเหตุปัจจัย ปรุงแต่ง เป็นคำตอบที่มนุษยชาติแสวงหา คือ สันติภาพ ที่มั่นคงปลอดภัย ไม่แปรผันอีกต่อไป เป็นที่พึ่งแห่งอมตะสุขอันแท้จริง ด้วยเหตุนี้สันติภาพจึงเป็นศาสนา ของจักรวาล เป็นอารยธรรมแห่งสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ที่พัฒนาสติปัญญาขึ้นมาสู่ศรัทธาความเชื่ออย่างมีเหตุผล ขจัดความงมงายที่ไม่มีเหตุผลออกไปจากจิตใจ จากสัญชาตญาณโลภ โกรธ หลง พบทรัพย์ประจำตัวอันเป็นธาตุบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องอาศัยเหตุปัจจัย

จะเห็นสันติภาพได้อย่างไร? ถ้าสันติภาพ คือ ธาตุที่เป็นความจริง ที่เป็นอมตะ คงที่ ปลอดภัย วิธีเข้าถึงสันติภาพ ย่อมคือการไม่ปรุงแต่งเรื่องไม่จริง ขึ้นมาซึ่งไม่คงที่ ไม่ปลอดภัย

การมีสติอยู่กับความจริงด้วยการไม่ปรุงแต่งว่ามีตัวตนอยู่ในขน ผม เล็บ ฟันฯ ซึ่งประกอบมาจากธาตุ 4 เป็นความจริงที่ตรงไปตรงมา เรียบง่าย เป็นสันติภาพภายในใจ (ซึ่งคือจิตวิญญาณที่รับรู้การไม่ปรุงแต่งนั้น จึงสงบเป็นสันติ)

ดังนั้น จะพึงเห็นสันติภาพได้เมื่อไม่ขาดสติและเจริญปัญญา

  • ไม่ปรุงแต่งว่าธาตุ 4 ที่ประกอบในร่างกายเป็นตัวตนเราเขา
  • ไม่ปรุงแต่งว่าสุขทุกข์ จากผัสสะ 6 ทาง เป็นตัวตนเราเขา
  • ไม่ปรุงแต่งว่าความจำ จากผัสสะ 6 ทาง เป็นตัวตนเราเขา
  • ไม่ปรุงแต่งว่าความคิด จากผัสสะ 6 ทาง เป็นตัวตนเราเขา
  • ไม่ปรุงแต่งว่าวิญญาณการรับรู้ จากผัสสะ 6 ทาง เป็นตัวตนเราเขา

เมื่อไม่ปรุงแต่งในโครงสร้างทั้ง 5 ว่าเป็นเราเขา ย่อมไม่ก่อสงครามทั้งภายในใจและภายนอก มีปัญญาเห็นความจริงของโครงสร้างที่อาศัยกันเกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นพลังงานต่อเนื่องมาจากจักรวาล เป็นธาตุที่อาศัยกันเกิดขึ้นจึงไม่คงที่ มีสติ สมาธิ ปัญญา เห็นอีกธาตุหนึ่งซึ่งคงที่ ไม่อาศัยเหตุปัจจัย คือ ธาตุแห่งสันติภาพ อันเป็นอมตะ

ในจักรวาลมีธาตุหลักอยู่ 2 ธาตุ

  1. ธาตุที่เห็นโครงสร้างอาศัยเหตุปัจจัย จึงมีความไม่คงที่ ถ้าเหตุปัจจัยเปลี่ยน ผลย่อมเปลี่ยน เป็นทุกขลักษณะ แต่ไม่มีผู้มีทุกข์
  2. ธาตุที่ไม่อาศัยเหตุปัจจัย จึงคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอมตะสุข เป็นสันติ

มนุษย์จึงมีความเสมอภาคกันในธาตุทั้ง 2 ดังกล่าวคือ ธาตุที่อาศัยเหตุปัจจัยปรุงแต่ง ในนามของเพื่อนร่วมทุกข์ ลักษณะที่ไม่คงที่ไม่ปลอดภัย และมีความ เสมอภาคกันในธาตุที่ปราศจากการปรุงแต่ง คือสันติภาพ อันเป็นทรัพย์ประจำตัวทุกคนอยู่แล้วตลอดเวลา

“สันติภาพ” จึงเป็นศาสนาแห่งจักรวาลในนามของกฏแห่งเหตุและผล ที่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นความแท้ที่ไม่มีกำหนดอายุกาล จริงแท้อย่างนั้นทุกกาลสมัย เป็นความจริงอันมั่นคงไม่แปรผัน ซึ่งสามารถเห็นสันติภาพได้ใน 3 ระดับ

  1. สันติภาพถาวร คือ ธาตุที่ไม่ปรุงแต่ง
  2. สันติภาพชั่วคราว ด้วยการมีจิตตั้งมั่นระงับการปรุงแต่งชั่วคราว
  3. สมมุติสันติ มีปัญญาเห็นธาตุ 4 เหล่านี้นับถือศาสนาใด? ด้วยการระงับความเห็นว่ามีตัวตนเราเขา ในธาตุ 4 ที่แบ่งแยกเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบัน